โควิด รู้จัก-ป้องกัน-รักษาเองได้ง่ายๆ

โควิดอาการป่วย เขียว เหลือง แดง

รับเชื้อโควิดเข้ามาทีละน้อยๆ ก็เหมือนฉีดวัคซินแล้ว เพราะร่างกายจะสร้างภูมิคุ้มกันขึ้นมาเอง แล้วถ้าติดขั้นรุนแรงเมื่อหายร่างกายก็จะรู้จักเหมือนกัน ไม่ว่าสายพันธุ์ไหนเอาอยู่หมด แต่วัคซินนี่ต้องคอยฉีดตามเชื้อๆ มาใหม่ก็ต้องฉีดใหม่ ของเก่าก็ต้องคอยฉีดย้ำเอาไว้ คิดแล้วจะมีคนรวยจากวัคซีน แต่ยาสมุนไพรไทยคงยากขนาดให้ฟรีๆ ยังไม่ค่อยมีคนอยากได้กันเลย อยากได้แต่วัคซีน ข้อควรระวังคือคนแก่ต้องทำยังใงให้ชัดเจนเพราะคนแก่ไม่สามารถสร้างภูมิคุ้มกันขึ้นมาได้อย่างคนหนุ่มสาว


ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับโควิด และ วัคซิน





วัคซินแต่ละสูตรทำงานแตกต่างกันอย่างไร? (เชื้อตาย-Viral Vector-Protein Sub-mRNA)

คลิ๊กดูวิธี> การทำงานของวัคซินแต่ละสูตรต่างกันอย่างไร <ที่นี่







ความจริงของวัคซีนโควิด เลือกในการป้องกันรักษา ฉีด-ไม่ฉีด

แพทย์กำลังออกมาพูดความจริงเกี่ยวกับวัคซินมากขึ้นเรื่อยๆ ฟังความจริง ที่ไม่ใช่การตลาดของบริษัทยา แต่อยู่ในหลักการวิทยาศาสตร์ จรรยาบรรณ และ เสรีภาพ เสวนาความจริงทางเลือกในการป้องกันรักษา แถลงการณ์การรับ/ไม่รับ

ความจริงของโควิด 19 –นพ.อรรถพล สุคนธาภิรมย์ ณ พัทลุง

สิ่งแรกที่มนุษย์ทุกคนจำเป็นต้องรู้คือข้อมูลนี้ ตั้งใจดูแล้วพิจารณา ไม่ได้บังคับให้ต้องเชื่อที่มามีอยู่ใต้คลิป อย่าให้คนที่สละเวลาทำออกมาแล้วถูกปฏิเสธการเชื่อถือด้วยเหตผลเพียงเพราะ เวบหน้าตามันไม่คุ้น ข้อมูลตรงไหนปลอมเมนท์มา
– คลิ๊กดูวิดิโอต่างๆ ของ นพ. อรรถพล

ข้อมูลที่น่าสนใจ วัคซินแบบ mRNA จะฉีดดีไหมหนอ?

— คลิ๊กเพื่ออ่านความลับของวัคซีน mRNA (ฉบับที่ 1)
— คลิ๊กเพื่ออ่านความลับของวัคซีน mRNA (ฉบับที่ 2)

ตาย เพราะพลาดนาทีทองชีวิต

คุยกับหลานที่จบปริญญาเอกทางวิศวะโยธา แต่ไปเรียนเพิ่มทางแพทย์แผนไทย นำข้อมูลมาพูดให้ฟังว่า ผู้ป่วยจำนวนมากตายด้วยโรคไวรัส Covid -19 เพราะพลาดโอกาส นาทีทองของชีวิตแค่ ๔ วัน ตามวิธีการรักษาแพทย์แผนปัจจุบัน มักให้ดูอาการ โดยยังไม่ให้ยา ยกเว้นยาแก้ไข้ แก้ปวด จนกว่าอาการหนัก จึงให้ยาฟาวิพิราเวีย คนสูงวัย หรือผู้มีโรคประจำตัว ภูมิคุ้มกันตำ่ ก็มักจะไม่ทันการณ์แล้ว เชื้อเข้าปอดทำลายจนปอดพัง ยากต่อการรักษายิ่งคนแก่จะจบเร็ว ประสิทธิภาพการขยายตัวของไวรัสคือ 1 : 700/วัน เชื้อทุกตัวคูณด้วยการยกกำลัง 2 ทุกวัน เพียง ๔ วัน เชื้อโรคจำนวนมหาศาลเข้าเกาะกินปอด ก็ยากที่จะภูมิคุ้มกันของร่างกายจะเอาอยู่ ปัจจุบันยังไม่มียาชนิดใดฆ่าเชื้อตัวนี้ได้ ยกเว้นเม็ดเลือดขาวภูมิคุ้มกันของตัวเราเองเท่านั้นที่จัดการได้ คน 80 % ป่วยแล้วหายเอง ก็เพราะมีภูมิคุ้มกันดี (ดูพวกคนงานพม่า แข็งแรง ภูมิสูง ติดเชื้อหลายหมื่น ไม่ตายสักคน)

ยาฟ้าทลายโจร ไม่ได้ฆ่าเชื้อแต่ทำหน้าที่ยับยั้ง ไม่ให้เชื้อขยายตัวเร็ว ทำให้อัตราการขยายตัวของเชื้อ ลดลงเหลือ 1 : 100 ทำให้ร่างกายมีเวลาเพิ่มเม็ดเลือดขาวจำนวนมาก มาจัดการกับเชื้อโรคได้ จึงหายป่วย แม้ฉีดวัคซีน ก็ไม่ได้ฆ่าเชื้อแค่ทำหน้าที่กระตุ้นภูมิคุ้มกันเท่านั้น

สรุปคือในช่วงวิกฤตินี้ให้สังเกตตัวเองว่า หากมีอาการคล้ายหวัด หรือเจ็บคอให้สันนิฐานไว้ก่อนว่า ติดโควิดแล้ว รีบกินยาฟ้าทลายโจรทันที วันละ 3 ครั้ง ต่อเนื่องกัน ๔ วัน หายป่วยแน่นอน แม้ไม่ใช่โควิด ก็หายป่วยจากหวัด วิธีนี้เป็นการช่วยชีวิตให้รอดปลอดภัย อย่ารออยู่แต่ในสถานกักตัว พลาดโอกาสทองในการช่วยชีวิต โดยไม่ทานยา ชีวิตอาจจบอย่างน่าเสียดาย

มีการออกสื่อทีวี พบว่า ยาฟาวิพิราเวียใช้แล้วไม่ได้ผล ถ้ามีสรรพคุณฆ่าเชื้อได้ คนป่วยต้องไม่ตายมากขึ้นทุกวัน ส่วนยาฟ้าทลายโจร ที่หมอแผนไทยเริ่มรณรงค์นำมาใช้กลับมีสรรพคุณรักษาคนหายป่วยมากขึ้นทุกวัน มีอาการอย่ารอจนหมดนาทีทองฟ้าทลายโจรช่วยชีวิตได้

สำคัญมากโควิดกลายพันธุ์ ไม่มีไข้ รู้ตัวเชื้อลงปอดแล้ว

ตอนนี้โควิดกลายพันธุ์ จะไม่มีไข้ กว่าจะรู้ตัวว่าติดโควิด ก็มีไข้ ไอ และเชื้อลงปอดไปแล้ว สังเกตุเมื่อมีอาการ –ปวดเมื่อย –อ่อนล้า –ปวดศีรษะ รีบกินฟ้าทะลายโจร ทันที และต้องกินให้เพียงพอ ร่างกายเราทุกคนมี *ภูมิคุ้มกัน* ไม่เท่ากัน เพราะฉนั้นต้องกดให้หายภายใน 4 วัน ไม่งั้นเชื้อจะลงปอด

ดูข้อมูลเพิ่มได้จากคลิปนี้


แพทย์แผนไทยท้าพิสูจน์


สู้โควิดได้ ด้วยสมุนไพรไทย (คุยกับ อ.พงศ์ศักดิ์ ตั้งคณา EP.2)



การดูแลตัวเองเบื้องต้นเมื่อป่วยไข้

ฟ้าทะลายโจรรักษาโควิดได้นะ ต้องมาดูว่าใช้ยังใง




ข้อมูลแสดงฟ้าทะลายโจรสามารถยับยั้งโควิชได้



ทำไมเราต้องใช้ยาที่รักษาโควิดไม่ได้ มาใช้รักษา




ไขข้อข้องใจ กิน ฟทจ.ตับพังหรือไม่? ฟาวิพิราเวีย ดีจริงไหม?


โจรปล้นฟ้าทะลายโจร

กระชาย รักษาป้องกัน โควิชได้จจริงๆ นะ





ข่าวดีสุดๆ ชัดเจน ล่าสุดหลังจากงานวิจัยของ ม.มหิดล กระชายฆ่าเชื้อไวรัสโควิด-19 ได้ 100% ท่านผู้นี้เอาไปใชั เขาไปในที่เสี่ยงติดโควิดหลายที่ ทั้งสัมผัสกับผู้ป่วยโดยตรง ล่าสุดซอยทองหล่อก็ไปมาด้วย เขาใช้กระชายขาวทุกครั้ง โควิดทำอะไรไม่ได้เลยได้ผล 100 % จริงๆ ฟังจากปากคนใช้เอง และวิธีทำน้ำกระชายสกัดเย็น

โควิช หายใจลำบากแก้ด้วยการสูดดมอบสมุนไพร




โกฐจุฬาลัมพา สมุนไพรไทยยับยั้งโควิด

BIOTHAI (มูลนิธิชีววิถี) ได้ออกให้ข้อมูลว่า มีคณะนักวิจัยจาก Columbia University และ University of Washington สหรัฐอเมริกา ได้วิจัยพบว่า “โกฐจุฬาลัมพา” สามารถต้านเชื้อโควิดได้ในห้องปฏิบัติการ ผลวิจัยดังกล่าว พบว่าสารสกัดโดยน้ำร้อนของสมุนไพรนี้มีฤทธิ์ยับยั้งโควิดได้ ซึ่งสอดคล้องกับงานวิจัยก่อนหน้านี้ของนักวิจัยในจีน และการส่งเสริมโดยประธานาธิบดีแห่งมาดากัสการ์




มูลนิธิบูรณพุทธแจกฟ้าทะลายโจร

มูลนิธิบูรณพุทธ แจกฟ้าทะลายโจร

ให้ยาเร็ว ลดความรุนแรงของโรคได้ คนทางบ้านจึงได้ร่วมบุญผลิตยาฟ้าทะลายโจร รุ่นพิเศษ มีแอนโดรกราโฟไลด์สูง ๓๐ มก./แคปซูล หนที่สองนี้ผลิตอีก ๓๐๐,๐๐๐ แคปซูล เพื่อมอบฟรีให้แก่ รพ. และ รพ.สนาม ศูนย์พักคอย และ CI เรือนจำ
กรุณาแจ้งรายละเอียด ๔ ข้อ
• ขอรับยาสำหรับสถานที่ใดบ้าง
• จน.ผู้ป่วยโควิดรายใหม่ (เฉลี่ยคร่าวๆต่อวันในสัปดาห์ที่ผ่านมา)
• จน.แคปซูลที่ขอรับสำหรับใช้ ๑ เดือน
• ชื่อ นามสกุล / ตำแหน่ง / ที่อยู่ / โทร. มาทางไลน์ @BuranaBuddha
หรือทีมงานหาชุดหมีให้(พี่)หมอ

สำหรับท่านที่ประสงค์จะร่วมบุญ ผลิตยาฟ้าทะลายโจรนี้สามารถเป็นเจ้าภาพได้
ในราคาต้นทุน เม็ดละ ๓ บาท (หรือกระปุกละ ๙๐ บาท) หรือร่วมเป็นเจ้าภาพ
อุปกรณ์ช่วยชีวิตชิ้นสำคัญอื่นๆ โดยสอบถามทางไลน์ @BuranaBuddha ได้เช่นกัน รับชมภาพความช่วยเหลือได้ในเม้นด้านล่างนี้ กราบอนุโมทนาผู้บริจาค และทีมงานจิตอาสาทุกท่าน ร่วมช่วยหมอช่วยคนไทยให้พ้นโควิด

มูลนิธิบูรณพุทธ
ธนาคารกสิกรไทย ออมทรัพย์
เลขที่บัญชี 0208999915
แจ้งการโอนของท่านได้ที่
Line ID: @BuranaBuddha

ผู้ป่วยโควิดขอรับ ยาฟ้าทะลายโจร/ยืมเครื่องผลิตออกซิเจน
Line ID: @covid191

รพ.ขอรับฟ้าทะลายโจร หน้ากาก N95 และเครื่องมือแพทย์ต่างๆ
Line ID: @BuranaBuddha
เขียนโพสโดยแอดมินเบลล์
ดูรายการบริจาคช่วยโควิดทั้งหมดของมูลนิธิบูรณพุทธได้ที่นี่

กรมแพทย์แผนไทยแจกยาฟรี

กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก เปิดลงทะเบียนแจกฟ้าทะลายโจร และจัดส่งฟรีทางไปรษณีย์ ในการรักษาผู้ป่วยโควิด-19 และผู้สัมผัสเสี่ยงสูง รวมทั้งให้บริการข้อมูลเบื้องต้นในการดูแลสุขภาพด้วยสมุนไพรฟ้าทะลายโจร สายด่วน 06 5504 5678

ดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่ FB กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือกได้ที่นี่

Line OA: Fah First AID หรือ Line ID: @fahdtam หรือคลิ๊กที่นี่เพื่อแสกน QR code กรมแพทย์แผนไทยแจกยาฟรี

วัดเจดีย์หอย รักษาด้วยวิธีบ้านๆ แจกยาฟรี

สำหรับคนไม่มีตังไป รพ หมดเป็นล้าน ที่นี่ไม่มีตังก็รักษาฟรี ต้มยาแจกกินเจ็ดวันหายแน่นอน



สถานที่ติดต่อปรึกษาสำหรับผู้กักตัวอยู่บ้าน หรือรอเตียง เพื่อรักษาโควิค


ทางสมาคมขอแจ้งการจัดส่งยาตำรับแผนไทย ให้ผู้ป่วยฟรีค่ะ ท่านใกล้ที่ไหนเรียนเชิญเข้ารับการปรึกษาได้เลยคะ

– อคิราห์คลินิกการแพทย์แผนไทย จ.เชียงใหม่
เบอร์โทร 083 564 4504

– บุณยวรีคลินิกการแพทย์แผนไทย กรุงเทพมหานคร พร้อมให้คำปรึกษาทุกเรื่องที่เกี่ยวกับโควิดค่ะ
เบอร์ หมอบุณย์ 091 446 2545
เบอร์ คุณนิตยา 084 682 1441

– กฤชภาคลินิกการแพทย์แผนไทย ลาดกระบัง กรุงเทพมหานคร
เบอร์โทร 095 645 1426
เบอร์โทร 085 393 5441

– คลินิกบ้านคุณสุขพหลโยธิน กรุงเทพมหานคร
เบอร์คลินิกบ้านคุณสุข 092-464 4655
เบอร์หมอดีไซต์ แพทย์ประจำบ้านคุณสุข 082 145 9456

– ธมนวรรณคลินิกการแพทย์แผนไทย กรุงเทพมหานคร
เบอร์โทร หมอดาว 091 546 5696

– ไทม์เวลล์เนสสหคลินิก กรุงเทพมหานคร
เบอร์โทร หมอแตงโม 098 415 2409

– อาศรมมงคลคลินิกการแพทย์แผนไทย จังหวัดนนทบุรี
เบอร์โทร 081-266 2356

– จิรเวชชาญไชยคลินิกการแพทย์แผนไทย จ.นนทบุรี
เบอร์โทร ดร.นิธิวัฒน์ 098 159 6636

– วารินทร์ธร คลินิกการแพทย์แผนไทย จ.กาญจนบุรี
เบอร์โทร 065 053 8964

– คลินิกชิตชัยแพทย์แผนไทย พัทยา จ.ชลบุรี
เบอร์โทร 081 433 3400
เบอร์โทร 099 364 4465

คลินิกแพทย์แผนไทยไหน มีความประสงค์จะเข้าร่วมโครงการกับสมาคมฯ แจ้งมาใน in box สมาคมได้เลยค่ะ ร่วมด้วยช่วยกัน คนไทยจะรอดไม่สูญเสียคนที่รักจากไปต่อหน้าต่อตานะคะ

ศิริราชเปิด Favipiravir clinic

สำหรับผู้ป่วย COVID ที่ยังไม่สามารถเข้าระบบรักษาได้ เปิดลงทะเบียนผ่านไลน์ ให้ญาติเดินทางเข้ามารับแบบ Drive thru เกณฑ์ผู้ป่วยที่สามารถรับยาจากคลินิกต้องเป็นผู้ที่ยังไม่เคยได้รับยาต้านไวรัสฟาวิพิราเวียร์มาก่อน ไม่อยู่ในระหว่างการดูแลของสถานพยาบาล หรือ Community Isolation หรือ Home Isolation ต้องมีญาติหรือผู้แทนที่ไม่ติดเชื้อสามารถเดินทางมารับยาได้ ผู้ป่วยที่เข้าเกณฑ์ดังกล่าวและสนใจขอรับยาฟาวิพิราเวียร์ สามารถลงทะเบียนขอรับยาได้ผ่านบัญชีไลน์ “Siriraj Favi Clinic” หรือ @siriraj-favi แล้วคลิกลงทะเบียนและกรอกข้อมูลในแบบฟอร์ม โดยระบบลงทะเบียนรับยาจะเริ่มเปิดตั้งแต่เวลา 8.00 น.เป็นต้นไป จนกว่าผู้ป่วยจะเต็มจำนวนที่โรงพยาบาลจะให้บริการได้
อ้างอิง https://www.thansettakij.com/general-news/491494


อาการตกค้างหลังหายโควิด ที่เรียกว่า Long Covid

ผู้ป่วย COVID-19 ที่หายแล้ว ตรวจไม่พบเชื้อในร่างกาย แต่อาการผิดปกติอาจจะยังคงอยู่กับคุณสักพัก ซึ่งงานวิจัยหลาย ๆ ประเทศ พบว่า 30% ของผู้ป่วยโควิดที่รักษาจนหาย อาจพบปัญหาสุขภาพ หรืออาการตกค้างหลังหายโควิด ที่เรียกว่า Long Covid ซึ่งอาการส่วนที่พบก็คือ
1. ปวดเมื่อย ปวดศีรษะ : อาการปวดเมื่อย ปวดข้อ ปวดศีรษะ อ่อนล้า เพลีย คล้าย ๆ อาการหลังหายป่วยทั่วไป เป็นอาการที่ผู้ป่วยส่วนใหญ่เจอหลังหายจากโควิด 19 โดยอาการนี้อาจกินเวลานานประมาณ 2-6 เดือน เลยทีเดียว
2. ไม่ได้กลิ่น ลิ้นไม่รับรส : 53.1% ของผู้ป่วยโควิดที่ไม่ได้นอนรักษาตัวในโรงพยาบาล จะยังคงมีอาการรับกลิ่นและรสบกพร่องเป็นเวลานานกว่า 4 เดือน นับจากเริ่มมีอาการโควิด 19 เป็นต้นมา
3. หายใจไม่อิ่ม หายใจลำบาก : อาการนี้จะพบเยอะมาก และเดาไม่ได้ว่าอาการนี้จะอยู่ไปอีกนานเท่าไร สาเหตุเป็นเพราะปอดรับออกซิเจนได้ไม่เท่าเดิม ทำให้หายใจไม่เต็มปอด และรู้สึกเหนื่อยง่ายขึ้น
4. ปอดเสียหาย : อาการนี้อาจพบในผู้ป่วยอาการรุนแรงที่เข้ารักษาตัวช้า ส่งผลให้เชื้อไวรัสเข้าทำลายปอด ทำให้เนื้อปอดบางส่วนเสียหายหรือถูกทำลายอย่างถาวร โดยอาการจะหนักหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับว่าปอดอักเสบไปมากแค่ไหน และสามารถฟื้นฟูกลับมาได้หรือไม่
5. หย่อนสมรรถภาพทางเพศ : ผู้ป่วยชายที่ติด COVID-19 มีแนวโน้มเสี่ยงต่อภาวะหย่อนสมรรถภาพทางเพศมากขึ้น 5.66 เท่า
6. ผมร่วง มีอาการซึมเศร้า : ผู้ป่วยบางรายอาจมีอาการผมร่วงเป็นเวลาหลายเดือนนับตั้งแต่มีอาการ COVID-19
7. จำอะไรไม่ค่อยได้ สมาธิสั้น : ผู้ป่วยโควิดบางคนหลังหายจากโรคแล้ว กลับพบปัญหาเรื่องความจำถดถอยลง สมองเบลอ และสมาธิสั้น ซึ่งอาจเป็นเพราะเชื้อไวรัสสามารถกระตุ้นให้เกิดอาการผิดปกติของระบบประสาทและสมอง
8. ภาวะ MIS-C ที่คล้ายโรคคาวาซากิ : หลังจากเด็ก ๆ หายจาก COVID-19 แล้ว อาจมีภาวะ MIS-C (Multisystem inflammatory syndrome in children) คือ มีอาการอักเสบในอวัยวะต่าง ๆ ทั่วทั้งร่างกาย คล้ายกับโรคคาวาซากิ ซึ่งหากรักษาไม่ทัน ก็อาจทำให้อาการโคม่า เสี่ยงเสียชีวิตสูง
9. โรคประจำตัวที่เป็นอยู่มีอาการรุนแรงมากขึ้น : ในกลุ่มผู้ป่วยที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคหัวใจ โรคไต โรคที่เกี่ยวกับระบบอวัยวะอื่น ๆ และภาวะสมองเสื่อม อาจมีอาการของโรคนั้นรุนแรงมากขึ้น

ซี่งอาการเหล่านี้ส่วนใหญ่หายเองได้ หากเราดูแลสุขภาพร่างกายให้แข็งแรง เช่น นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ เลี่ยงอาหารที่ทำร้ายสุขภาพ รวมทั้งหมั่นออกกำลังกายเป็นประจำ แต่ถ้าอาการ Long Covid กระทบกับสุขภาพมาก ๆ ก็ควรไปปรึกษาแพทย์ครับ

(ข้อมูลจาก : kapook,โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย, เฟซบุ๊ก Pleasehealth Books, TNN, กรุงเทพธุรกิจ, สมาคมโรคติดเชื้อในเด็กแห่งประเทศไทย, WebMD)

หมอโรคติดเชื้อบอกว่าภูมิคุ้มกันที่ตรวจกันนั้น

1 ไม่ได้แปรผลว่า จะไม่ติดเชื้อ
(อธิบายลำบากค่ะ มันตรวจ humoral mediated immune ในขณะที่การติดเชื้อต้องตรวจ cellular mediated immune ซึ่งตรวจได้ยากต้องใช้ lab เฉพาะ)
2 ภูมิที่ตรวจได้เป็นภูมิทั่วไปของโควิด ซึ่งไม่ได้แปรผลสำหรับสายพันธุ์เดลต้า ซึ่งระบาดอยู่ตอนนี้ เช่น sinopharm ฉีดแล้วภูมิขึ้นสูง แต่ภูมิของเดลต้าต่ำเตี้ย เป็นต้น ส่วนการตรวจภูมิสายพันธุ์เดลต้าก็ทำได้ยุ่งยากต้องทำใน lab เฉพาะซึ่งมีไม่กี่แห่งค่ะ
สรุปก็คือ ไม่ได้แนะนำให้ตรวจภูมิแบบที่ตรวจๆกันอยู่เวลานี้ค่ะ (แต่ก็เห็นชอบไปตรวจกันจังเลย)

ภูมิต้านทานหลังฉีด vaccine อยู่ได้นานไหม

ใช้คำง่ายๆ ในการอธิบายเป็นเกล็ดความรู้ ปรับปรุงบทความจากเพื่อนเตรียมฯที่เคยอยู่เซ็นต์โยฯ, ห้อง chat chicago golf
คำว่า immunity คือ ภูมิต้านทานในร่างกายเราที่คอยต่อสู้กับสิ่งแปลกปลอม เช่นไวรัส ที่เข้ามาในร่างกายเรา Vaccine ไม่ใช่ เป็นตัวยาที่จะไปฆ่าเชื้อไวรัส ตัวเม็ดเลือดขาวในสายเลือดเราเท่านั้นที่จะเป็น ตัวผลิต B cell และ T cell จากสายเลือดออกมากำจัดไวรัส Vaccine เป็นเพียง fake virus ที่ฉีดเข้าไปในเส้นเลือดเพื่อหลอกลวงเม็ดเลือดขาว ให้เตรียมผลิต B cell และ T cell เอาไว้ การสร้าง T cell และ B cell ต้องให้เวลาเม็ดเลือดขาวสัก 5-6 วัน ถึงจะ ผลิต T cell และ B cell

เมื่อเม็ดเลือดขาวผลิต T cell และ B cell แล้ว ทั้งสองก็จะลอยหมุนเวียนในสายเลือดคอยตรวจ และจัดการสิ่งแปลกปลอมที่เข้ามาทันที คนที่ไม่ฉีด vaccine เวลาไวรัสมันเข้ามารังแกเรา ร่างกายต้องใช้เวลา 4-5 วัน กว่าเม็ดเลือดขาวจะผลิต T cell ออกมาได้ บางทีไวรัสมันลุกลามเร็วจึงตายสะก่อน หลายคนที่เป็น COVID แล้วก็หายเอง ก็เพราะเม็ดเลือดขาวสามารถผลิต T cell ออกมาต่อสู้ได้อย่างรวดเร็ว หลายคนสุขภาพไม่ดี มีเลือดเลว เลือดไม่สมบูรณ์ เม็ดเลือดขาว จะไม่ทำงานตามปรกติ ถึงแม้นจะฉีด vaccine เข้าไปหลอกลวงเม็ดเลือดขาว มันก็ผลิต T cell, B cell ไม่ได้ดีเท่าที่ควร ทุกอย่างมันอยู่ที่ความสมบูรณ์ในเลือดเราเอง บางคนเลือดดี T cell และ B cell จะลอยหมุนเวียนในสายเลือดคอยป้องกันไวรัสอยู่เป็นปี พอนานๆ ไปเม็ดเลือดขาวมันเห็นว่าไม่มีไวรัสเข้ามาแล้ว มันก็จะเลิกผลิต T cell และ B cell

ดังนั้นเพื่อความมั่นใจทางการแพทย์เลยแนะนำให้ไปฉีด fake virus ( vaccine ) เข้าไปทุกๆ ปีเพื่อให้เม็ดเลือดขาว stay on guard at all times ภูมิต้านทานของทุกคนจะแตกต่างกันไป บางคนเลือดดี ก็จะมีภูมิฯ ป้องกันค้างอยู่ได้นาน ทางการแพทย์ได้ทดลองกับฝูงชนที่มีสุขภาพเลือดเป็นปกติ พบว่าภูมิฯ จะอยูในเลือดได้อย่างน้อย 6 เดือน อย่างมากกี่เดือนต้องรอไปว่าเกิน 6 เดือนไปแล้วไปวัดภูมิฯ ถ้ายังมีเหลืออยู่ก็โชคดีไป ส่วนคนที่เลือดไม่ดี ไม่สมบูรณ์ ฉีด vaccine เข้าไปเม็ดเลือดขาวอาจไม่ทำงานไม่ผลิต T cell หรือ B cell ก็ได้

สรุป – ตัวสำคัญที่จะกำจัดไวรัสได้คือ เม็ดเลือดขาว ในสายเลือดของแต่ละคน การฉีด vaccine เป็นแค่การ warm up เปรียบเหมือนรถในหน้าหนาวที่จะต้องอุ่นเครื่องก่อน เพื่อให้พร้อมที่จะ take off ได้ด้วยแรงสูงได้ทันที ถ้าไม่ warm up หนาวมาก อาจ start ไม่ติด ดังนั้นถ้าเราเชื่อใจในตัวเองเราเองว่าร่างกายสมบูรณ์ และมีเลือดดี จะไม่ฉีด vaccine ปล่อยให้ร่างกายได้รับเชื้อเข้าไปตามธรรมชาติทีละเล็กน้อย ปล่อยให้ blood white cell ทำงานเอง

การที่ร่างกายสมบูรณ์ สุขภาพดี ตลอดเวลาเป็นสิ่งที่ประเสริฐที่สุด อย่าทำให้เลือดเสีย Vaccine ไม่ใช่ตัวฆ่าเชื้อ เม็ดเลือดขาวของเราเองคืออาวุธสำคัญ พยายามรักษาตัวให้เลือดสมบูรณ์ หลายคนที่ฉีด vaccine ไปแล้วก็อยากรู้ว่าภูมิฯ จะอยู่นานไหม ทางแพทย์สามารถวัดภูมิฯ ภายในสายเลือด แต่มีค่าใช้จ่ายสูง และต้องรอผล 3-4 วัน พวกหมอจึงให้รอครบปีแล้วฉีดใหม่ เหมือนพวกวัคซีนไข้หวัดใหญ่ฯ แต่ถ้าอยากรู้กันจริงๆ ก็ต้องทำ antigen test วัดระดับ antigen หรือซากศพของ bad cells หรือไวรัสที่ B cell ฆ่า และทิ้งไว้ในสายเลือด หากมีซากศพของไวรัสอยู่ก็แสดงว่าไวรัสเคยเข้ามาในสายเลือด เช่น คนที่เคยติด COVID มาก่อนแล้วหาย หากพบมีซากศพ virus อยู่เยอะ ทางการแพทย์จะถือว่าเม็ดเลือดขาวทำงานดีไม่จำเป็นต้องไปฉีด fake virus เข้าไปกระตุ้นเม็ดเลือดขาว

เราเกิดมา เราจะเลือกเอาเลือดกรุ๊ปไหนๆ ไม่ได้ พ่อแม่เป็นคนผสมเลือดให้เรามา เลือดแต่ละกรุ๊ปมีเม็ดเลือดขาว เม็ดเลือดแดง แต่คุณภาพ และประสิทธิภาพของเม็ดเลือดขาวในแต่ละกรุ๊ปจะมีการทำงานแข็งแรงไม่เท่ากัน ข่าวออกมาว่า เลือด กรุ๊ป A เป็นกรุ๊ปที่อันตรายที่สุดตอนนี้ เพราะตามสถิติ คนเป็น COVID มากในพวกที่มีเลือด กรุ๊ป A

swab บ่อยๆ TR-PCT test อันตรายยังไง แบบไหน เพราะอะไร

เหตุใดหน่วยงานภาครัฐจึงยังดึงดันที่จะบังคับใช้ TR-PCT test เป็น Gold Standard ในการวินิจฉัยผู้ติดเชื้อ Covid ให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ และบ่อยครั้งที่สุดเท่าที่จะบ่อยได้ในบุคคลเดิม ทั้งที่เทคนิคนี้ได้รับการพิสูจน์อย่างกว้างขวางโดยนักวิทยาศาตร์และบุคลากรทางการแพทย์กว่าห้าหมื่นคนทั่วโลกแล้วว่าเป็นวิธีที่เชื่อถือไม่ได้ ให้ผลบวกลวง หรือ False Positive มหาศาลกว่า 90% และแม้แต่ Dr. Kary Mullis ผู้คิดค้นเทคนิคนี้เอง ยังยืนกรานออกสื่อหลายครั้งว่ามันไม่เที่ยงตรงและนำไปสู่การแปลผลผิดพลาดได้

❓เหตุใดจึงเลือกวิธีล่วงล้ำเข้าไปในอวัยวะของพวกเราอย่างมากทั้งที่สามารถทำได้ง่ายจากการตรวจวิเคราะห์น้ำลาย การสอดไม้ Swab เข้าไปกว้านลึกถึงเพดานจมูกสามารถสร้างความเสียหายต่อเนื้อเยื่อพังผืดที่ห่อหุ้ม Olfactory Nerve ซึ่งส่งผลเสียต่อสุขภาพและอายุขัยของมนุษย์ เนื่องจาก olfactory nerve เป็นปราการด่านหนึ่งในสองของกะโหลกศรีษะ ซึ่งเชื่อมระหว่างโพรงจมูกกับสมอง ที่ไวรัสและแบคทีเรียสามารถเดินทางข้าม blood-brain barrier เข้าสู่สมองได้ นอกจากนี้ olfactory nerve ยังเป็นเซลล์ชนิดเดียวในกะโหลกศรีษะที่มี stem cells เรียกว่า olfactory ensheathing cells ที่ล้อมรอบเซลล์รับกลิ่น olfactory sensory axons ส่วนที่ยื่นออกมาจากเซลล์ประสาท neuron ทำหน้าที่ส่งผ่านกระแสประสาทจากเซลล์ร่างกาย พวกมันทำหน้าที่ปกป้อง olfactory nerve และช่วยการสร้างเซลล์ใหม่เมื่อเกิดความบาดเจ็บเสียหาย (สเต็มเซลล์ชนิดนี้มีความพิเศษมากจนถูกนำไปใช้ในการซ่อมแซมไขสันหลังบาดเจ็บและรักษาโรคทางสมองหลายชนิดในการแพทย์ปัจจุบันอย่างประสบความสำเร็จ)

นอกจากนี้ olfactory ensheathing cells ยังช่วยเป็นภูมิคุ้มกันโดยกำเนิด เนื่องจากมันประพฤติตัวเป็น phagocytic กล่าวคือ จับกินและย่อยสลายเชื้อโรคได้ ดังนั้น มันจึงเป็นปราการสำคัญที่ช่วยป้องกันสมองโดยระบบภูมิคุ้มกันธรรมชาติของร่างกาย โดยเซลล์ประสาท Olfactory และ neuron bulb มีอายุขัย 4-8 เดือน ก่อนจะถูกแทนที่อย่างต่อเนื่องด้วย neuron stem cell อย่าง olfactory ensheathing cells มันช่วยส่งเสริมการอยู่รอดของเซลล์ประสาทและช่วยในการขยายตัวของ axon

📌จากงานวิจัยล่าสุด แสดงให้เห็นว่า หาก olfactory ensheathing cells สูญเสียความสามารถในการสร้างใหม่หรือซ่อมแซมตัวเองไป จะทำให้โอกาสการเสียชีวิตภายใน 5 ปี ในผู้ใหญ่วัย 57 – 85 ปี เพิ่มสูงขึ้นมากกว่า 4 เท่าตัว การทำงานของ olfactory จึงเสมือนเป็นเครื่องทำนายความสามารถในการดำรงชีวิตภายใน 5 ปี เป็นสัญญาณเตือนเมื่อการสร้างใหม่ของเซลล์ช้าลง และใช้เป็นเครื่องบ่งชี้เมื่อมีการสะสมสารพิษที่สัมผัสจากสิ่งแวดล้อม Olfactory nerve ที่เสียหายเสมือนป้อมปราการสู่สมองถูกทำลาย ทำให้ง่ายต่อการถูกโจมตีด้วยสิ่งแปลกปลอมและส่งผลอันตรายถึงแก่ชีวิต

📌การ swab PCR เป็นระยะจะทำลายความสามารถในการสร้างใหม่ต่อ Olfactory nerve ทำให้เกิดการเสียชีวิตก่อนวัยอันควรในผู้ใหญ่อายุ 57 – 85 ปี ซึ่งเป็นประชากรกลุ่มผู้สูงอายุ การทดสอบ PCR test มีบทบาทสำคัญในการสร้างความเสียหายครั้งแล้วครั้งเล่าต่อ Olfactory nerve ทำให้เกิดการติดเชื้อไวรัสและแบคทีเรียเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว

⏩ซึ่งยอดผู้ติดเชื้อนี้ได้ถูกนำไปสนับสนุนให้รัฐบาลยกระดับมาตรการต่อโรคระบาดยิ่งขึ้น เมื่อมีผู้ถูกทดสอบโดย PCR เพิ่มขึ้น เซลล์ป้องกันจึงถูกทำลายมากขึ้นและมีผู้ติดเชื้อหลากหลายชนิดเพิ่มขึ้นในครั้งต่อมา โดยจะถูกตีความต่อไปว่า เกิดการติดเชื้อจากไวรัสโควิดด้วยการเพิ่มจำนวน Cycle ใน thermal cycler จนกว่าเปอร์เซ็นต์จะเพิ่มจนให้ผลเป็นบวก เพื่อสรุปว่าเป็นโควิดตามต้องการ

📌อาจมีการโต้แย้งว่า การทดสอบ swab ช่องจมูกที่ถูกต้อง ควรกวาดเป็นมุมสูงไม่เกิน 30 องศา จากแนวระนาบเพื่อหลีกเลี่ยงการสัมผัสเส้นประสาทรับกลิ่น แต่ในตำแหน่งดังกล่าวนี้ ไม้ Swab จะไปไปสัมผัสเส้นประสาท Trigeminal แทน ซึ่งเป็น blood-brain barrier เข้าสู่สมองปราการที่สอง ️ส่งผลต่อการรับรสและการมองเห็น เป็นการทำลายประสาทรับกลิ่นและรส ไม้ swab ไม่จำเป็นต้องไปสัมผัสโดนจนก่ออันตรายต่อเซลล์ประสาท Trigeminal หรือ Olfactory โดยตรงเลย แค่ลำพังการสร้างความระคายเคืองต่อเยื่อเมือกในโพรงจมูก ก็สามารถส่งผลกระทบต่ออวัยวะทั้งระบบ Limbic เนื่องจากมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกันมาก สิ่งนี้สามารถอธิบายได้ว่าเหตุใดผู้ป่วยโควิดจึงสูญเสียการตอบสนองทางพฤติกรรมที่ควบคุมโดยระบบ Limbic เช่น การนอนหลับ ความเหนื่อยล้า การรับรู้ การปรับตัว การเคลื่อนไหว ความจำ เป็นต้น

📌นอกจากปลายของไม้ swab มีเขี้ยวขรุขระ ถูกออกแบบมาเพื่อขีดข่วนสร้างความเสียหายให้เยื่อยุผิวมากที่สุดแล้ว ประกอบกับวิธีการสอดที่ลึกและการหมุนที่กว้างอย่างรุนแรง ยังพบว่ามีการใช้สารเคมี ethylene oxide ที่รู้จักกันดีว่าเป็นสารก่อมะเร็ง ถูกนำมาใช้ในการฆ่าเชื้อใน PCR swab test อันตรายกับเยื่อเมือกโพรงจมูกซึ่งเป็นเนื้อเยื่อที่มีความไวต่อการแพ้ ร่วมกับมาตรการบังคับใช้ให้สวมหน้ากากอนามัยทั้งในที่ร่มและกลางแจ้ง จึงเป็นการเพิ่มจำนวนแบคทีเรียและไวรัสให้เข้าสู่สมองผ่าน Olfactory nerve และ Trigeminal neve ที่เสียหายให้มากยิ่งขึ้น

📌จากผลการศึกษาหลายร้อยชิ้น แสดงให้เห็นว่าภายใต้หน้ากากอนามัยเป็นแหล่งปนเปื้อนแบคทีเรียและเชื้อราจำนวนมาก เมื่อสวมใส่เป็นเวลานาน และหลายงานวิจัยยืนยันว่าการใส่หน้ากากอนามัยเป็นประจำ นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงทางสรีรวิทยาของระบบทางเดินหายใจสั้นลง และความเหนื่อยล้าอย่างมีนัยสำคัญ (P<0.05) ⏩ในหน้ากาก N95 ออกซิเจนลดลง 72%, คาร์บอนไดออกไซด์เพิ่มขึ้น 82%, อาการปวดหัว 60%, ความบกพร่องของการหายในอุณหภูมิและความชื้นที่เพิ่มขึ้น 100%. 📌นอกจากนี้ หลายการศึกษาพบว่าการใส่หน้ากากอนามัย ไม่สามารถปิดกั้นการแพร่กระจายของละอองไวรัสได้อย่างสมบูรณ์แม้ขณะปิดสนิท จึงไม่มีประสิทธิภาพในการป้องกันการติดเชื้อ ในปี 2020 เด็กและวัยรุ่นส่วนใหญ่รอดพ้นการการทดสอบ PCR มีสุขภาพแข็งแรง และไม่มีอาการแสดงการติดเชื้อโควิดเลย กระทั่งปี 2021 เมื่อมีการทดสอบเชิงรุก พวกเขาก็เริ่มแสดงอาการ ที่เกิดจากโควิดทันที ซึ่งแท้จริงแล้วเป็นการสร้างความเสียหายต่อสมองโดยจงใจ ความบกพร่องในการทำงานของศูนย์กลางการหายใจในสมอง Medula oblongata ก่อให้เกิดภาวะหายใจลำบาก Dyspnoea โดยที่ไม่มีการติดเชื้อหรือรอยโรคใดที่ปอด แต่เป็นความเสียหายทางสมองและระบบประสาท เราเรียบเรียงใหม่จากส่วนหนึ่งในบทความ PCR Tests and the Depopulation Program by Kevin Galalae, 10 October 2021 Cr: Ramone Jira

มาตรวจโควิดจากน้ำลายกันดีกว่าไหม

เราสามารถตรวจโควิดได้จากจากน้ำลาย

การลดล้างพิษจากวัคซิน

สำหรับคนฉีดวัคซีนโดยปกตินะครับของร่างกายเขาจะมีการขับพิษออกมาเรื่อยๆ นะครับ ถึงแม้ว่าเราจะไม่ได้กินยาอะไรหรือว่าสมุนไพรอะไรก็ตามแต่ถ้าเกิดเราได้กินสมุนไพรเข้าไปหรือว่ายาบางตัวเข้าไปมันก็จะช่วยขับพิษออกไปได้เร็วยิ่งขึ้นแต่ในระหว่างที่ร่างกายกำลังขับพิษมันก็อาจจะมีอาการข้างเคียงออกมาได้เช่นว่าปวดหัวหนักกว่าเดิมเลือดออกมากกว่าเดิมเป็นไข้มากกว่าเดิม ระหว่างขับพิษอย่าถ้าเกิดเราดูแลตัวเองไม่ถูกจุดเนี่ยอาจจะถึงตายได้เลยนะครับเพราะฉะนั้นอาจจะต้องทำเป็น ขั้นตอน ไปแล้วก็ควบคุมดูแลโดยคนที่เชี่ยวชาญ ไอ้บริษัทยามันก็รู้ว่าวัคซีนและสารพิษมันอยู่ในร่างกายได้ไม่นานร่างกายต้องขับออกมันก็เลยต้องให้เรา ฉีดทุกๆ 6 เดือนหรือว่า 1 ปีไงครับ

นอกนั้นจากคำถามของคุณ ที่เขียนมาถามว่าทั้ง เวียนหัว ผื่นขึ้นตามตัว รอบเดือนมีสีคล้ำ และยอดฮิตก็คือเจ็บหน้าอก อาการพวกนี้มันก็เป็นอาการที่เป็นผลกระทบจากวัคซีน ร่างกายมันก็พยายามจะขับออก แต่ถ้าเกิดมันไม่ออก จะต้องใช้ตัวช่วย เช่นสมุนไพรหรือไม่ก็ยาอะไรต่างๆ ถามว่ามีโอกาสหายไหม โอกาสมันก็มีครับ แต่ถ้าเกิดให้หมด 100 เปอร์เซ็นต์มันคงไม่หมด ให้สังเกตว่าบางคนอยากถึงแม้ว่าไม่ได้กินยาอะไรก็หายเองภายในอาทิตย์สองอาทิตย์หรือไม่ก็เป็นเดือน เพราะฉะนั้นอาการที่กล่าวมานี้คำตอบก็คือ คงไม่เป็นจนตายหรอกครับ คงเป็นชั่วคราวแต่ว่าชั่วคราวอาจจะยาวเป็นหลายๆเดือนสิ่งที่แก้ไขย้อนกลับได้ และไม่ได้

— S1 Protein พิษ
-1.1) หากเป็น Product (วัคซิน) เชื้อเป็น หรือ เชื้อตาย สามารถลดล้าง S1 Protein พิษได้
-1.2) หากเป็น Product Gene Therapy สามารถลด S1 Protein พิษได้ แต่หากร่างกายที่ถูกโปรแกรมให้สร้างมันยังผลิตต่อไป ซึ่งยังไม่มีงานวิจัยใดตอบได้ ว่าจะหยุดหรือไม่ เมื่อไหร่ ยังไงก็จะไม่หมด

— โลหะหนัก สารอื่นๆ กรณีของโลหะหนัก ที่มีการแจ้ง หรือ ไม่ได้มีการแจ้งว่าอยู่ในส่วนผสมที่อาจมี โดยได้มีการพบ เช่น Iron (Fe) Chromium (Cr) Nickel (Ni)
– สามารถลดพิษได้

— สิ่งแปลกปลอมอื่นที่อาจมี เช่น Nanobot (ได้มีการพบวัตถุลึกลับ ในทุก Product ที่เครือค่ายกลุ่มแพทย์เยอรมันได้ตรวจ ซึ่งมีลักษณะคลาย Nanobot โดยแม้ไม่ได้มีการตรวจวัคซิน Product เชื้อตายแต่เนื่องด้วยมีการพบว่าสามารถก่อ magnetism ได้เช่นกัน จึงต้องมองว่ามีความเป็นไปได้ที่จะไม่ต่างกัน)
– ไม่เป็นที่ทราบ

— Antibody ด้อยคุณภาพที่ในอนาคตอาจก่อ Antibody Dependent Enhancement (ADE) ช่วยเชื้อเข้าทำร้ายเซล์ลเอง ทำให้หนักกว่าเดิม
– ไม่สามารถย้อนกลับ

— Anaphylaxis การที่การรับครั้งต่อไป จะทนพิษได้น้อยกว่าครั้งแรก เนื่องด้วยเป็นโปรตีนพิษ
– ไม่สามารถย้อนกลับ

— ความเสียหายที่เกิดขึ้นกับหัวใจ สมอง ปอด
-ไม่สามารถย้อนกลับ

— ภูมิคุ้มกันเดิมทำงานบกพร่อง
-ไม่เป็นที่ทราบ (ขึ้นอยู่กับเหตุปัจจัยที่าให้บกพร่อง)

โดยสังเขป หลายสิ่งหลายอย่างไม่ได้จะแก้ไขย้อนกลับได้หากรับไปแล้ว ในส่วนที่สามารถลดแก้ไขได้ ต่อไปนี้นี้เป็นที่ทราบ โดยผ่านการทดลองมาแล้วว่ามีประสิทธิภาพในการต้านลดล้างพิษ

(A) S1 Protein พิษ
– ควรขจัดออกให้เร็วที่สุด เพื่อให้ก่อความเสียหายน้อยที่สุดแก่อวัยวะ
– Aspirin ลดความข้น ละลายลิ้มเลือด
– Zinc + Ivermectin & Quercetin ขจัด S Protein พิษ (หรือ Hydroxychloroquine/ EGCG)
– Vitamin D3 Vitamin C
– ฟ้าทลายโจร หอมแดง (Quercetin) ขจัด S Protein พิษ

(B) โลหะหนัก สารพิษอื่น ๆ
– รางจืด
– ขมิ้นชัน กระเทียม มะขามป้อม
– Borax/ Boron

(C) ในกรณีที่ยังไม่ปกติ หรือเป็น Product Gene Therapy และมีแนวโน้มว่ายังผลิต S1 Protein พิษอยู่ หรือรู้สึกตัวเองภูมิต่ำ
– Chlorine Dioxide Solution (CDS)

การขับพิษออกสำหรับคนที่ฉีดวัคซีน

ยาสมุนไพรก็มีให้เลือกนะครับที่ยอดฮิตตอนนี้ก็พวกรางจืด เป็นหลักแต่จะเอาตัวเสริมแทนก็พวกตะไคร้ใบเตยกินเสริมด้วยก็ได้ และก็กินอย่างที่คุณโจ้บอกกันด้วยก็ได้ เช่น กิน Ivermectin, Quercetin, Gltuathione แต่ว่าตัวพวกนี้มันค่อนข้างจะหายากหน่อย ตามร้านขายยามันก็มีแต่มันมีไม่ครบทุกตัว ivermectin กับ quercetin จะหายากหน่อย

โดยทั่วไปแล้วเท่าที่รู้มาอ่านในคอมเม้นจากในคลิปต่างๆ และถามคนที่ทำงานโรงพยาบาล เภสัชกร และแพทย์แผนไทย ทุกคนบอกคล้ายๆ กันว่าแค่รางจืดก็พอเอาอยู่นะครับ แต่อาจจะซื้อตัวอื่นด้วยก็ได้ ถ้าจะให้ดีขึ้นลองดูเพิ่มเติมกินช่วยด้วยก็ดี
– vitamin c + bio flavonoids
– Zinc
– Vitamin D3
– Vitamin c ควรกินร่วมกับ bio flavonoids นะครับ เพื่อช่วยเรื่องการดูดซึม ถ้าในไทยก็เป็นยี่ห้อ blackmore กับยี่ห้อ Nat C 1000mg

วิธีทำ Chlorine Dioxide Solution (CDS) เพื่อใช้ล้างพิษ







CDS Solutionกรณี Chlorine Dioxide Solution ของ D-water ไม่เหมือนกันนะครับ มีสารตกค้าง แม้เจือจางก็อาจทำให้กัดท้องได้

สรุปง่ายๆ มีขั้นตอนการทำดังนี้

สำหรับ DC FINE CHEMICALS™ SODIUM CHLORITE ลองหาดูที่นี่

สำหรับท่านที่สนใจยารักษาโควิด


— คลิ๊กดูยารักษาโควิดเพิ่มเติมได้ที่นี่ —

This site uses cookies to offer you a better browsing experience. By browsing this website, you agree to our use of cookies.